อายุ 0 - 2 ปี
เด็กวัยนี้กำลังอยากรู้อยากลองเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ให้เราพยายามระงับอารมณ์งุดหงิด และลดคำว่า ไม่-อย่า สิ่งของพวก เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องประดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุปกรณ์ทำความสะอาด และ ยาต่าง ๆ ควรเก็บให้มิดชิด เมื่อเด็ก ๆ เข้าไปเล่นใกล้ ๆ สิ่งของอันตรายเหล่านั้น ให้บอกว่า "ไม่นะลูก" อย่างใจเย็น และ อุ้มไปที่อื่น หรือไม่ก็ หลอกล่อไปเล่นอย่างอื่นแทน
การสงบสติอารมณ์ (Timeout) ก็เป็นอีกวิธีที่ได้ผลกับเด็กวัยนี้ เราจะต้องบอกเด็กที่ตีอกชกลม กัด หรือ ขว้างปาสิ่งของ ว่าทำไมการทำแบบนั้น เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ และ พาไปสงบสติอารมณ์ เช่น ในห้องครัว หรือ ห้องน้ำ กันสองต่อสอง สัก 1-2 นาที (นานกว่านี้ก็ไม่ดีสำหรับเด็กนะครับ)
ที่สำคัญนะครับ ไม่แนะนำให้ตบตีเด็ก ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ตาม เด็กวัยนี้ยังไม่สามารถเชื่อมโยง การกระทำกับการถูกลงโทษทางร่างกายได้ มีแต่ความรู้สึกเจ็บเท่านั้น
และอย่าลืมว่า เด็กเรียนรู้จากการดูจากผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณพ่อคุณแม่ ดังนั้น พยายามทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี เราจะดูดีในสายตาเด็ก เมื่อเราเองก็เก็บของให้เรียบร้อย ไม่ใช่ว่าเอาแต่สั่งให้ลูกเก็บของเล่น ในขณะที่ของ ๆ เรานั้น กลับเกลื่อนกลาดไปทั้วบ้านซะเอง
อายุ 3-5 ปี
เด็กในวัยนี้ เริ่มเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง การกระทำ และผลที่จะได้รับแล้ว ให้เราเริ่มที่การตั้ง และบอก กติกาประจำบ้าน อธิบายให้เด็ก ๆ ทราบว่า เราคาดหวังอะไร ก่อนที่จะทำโทษ จากผลของการกระทำนั้น ๆ เช่น เด็กเอาสีเทียนไประบายบนผนังห้อง ก็ให้เราอธิบายว่า ทำไมถึงทำแบบนั้นไม่ได้ และ อะไรจะเกิดขึ้นถ้าทำแบบนั้นอีก (ประมาณว่า ต้องมาช่วยกันลบ และ จะไม่ให้เล่นสีเทียนอีกในวันนั้น) ถ้าผนังห้องเกิดเปื้อนสีเทียนอีกใน 2-3 วันต่อมา ก็ให้บอกว่า สีเทียนเอาไว้ระบายบนกระดาษเท่านั้นนะ แล้วก็ทำแบบเดิม (ช่วยกันลบ และ อดเล่นสีเทียนอีกในวันนั้น)
ยิ่งเรามี กติกาประจำบ้าน เร็วเท่าไร ก็จะยิ่งดีสำหรับทุก ๆ คนมากขึ้นเท่านั้น บางที่เราก็ไม่ทำตามกติกาซะเอง เมื่อเห็นว่า การกระทำที่ไม่เหมาะสมของเด็ก ๆ บางอย่างนั้น นาน ๆ เกิดสักที หรือ ไม่ทำโทษตามกติกา นั้นละเป็นจุดเริ่มต้นของความไม่มีระเบียบวินัย ความคงเส้นคงวา เป็นสิ่งสำคัญในการจัดระเบียบวินัย ตั้งอะไรขึ้นมาแล้ว ก็ต้องปฏิบัติตาม
ทำโทษอย่างเดียว ก็ดูไม่ยุติธรรมสำหรับเด็ก ดังนั้น อย่าลืมให้รางวัล เมื่อเด็ก ๆ ประพฤติตัวดี อย่าดูถูกคำชมเชยเล็ก ๆ น้อย ๆ นะครับ การสร้างระเบียบวินัย ไม่ใช่แค่การทำโทษเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีการยกย่องชมเชย กับการกระทำที่น่ารักด้วย เช่น การบอกว่า "ลูกน่ารักมากเลย ที่แบ่งของเล่นให้เพื่อน ๆ เล่นด้วย" ดูดีกว่าการตำหนิ ถ้าเด็กไม่แบ่งของเล่นเพื่อน ๆ การชมเชย ต้องเป็นการชมเชยที่เฉพาะเจาะจง หมายความว่า ต้องบอกด้วยว่า ชมเชยกับการกระทำอะไร ไม่ใช่แค่บอกว่า "น่ารักมากลูก!"
ถ้าทำอย่างไรก็แล้ว เด็กก็ยังดื้อ ไม่ปฏิบัติตามกติกา ลองทำตารางปฏิทินขึ้นมาสักแผ่นหนึ่ง กำหนดไปเลยว่า ถ้าทำผิดครบกี่ครั้งจะถูกทำโทษ และ ทำดีครบกี่ครั้งถึงจะได้รางวัล ติดตารางปฏิทินไว้ที่ ๆ เห็นได้ชัด และ ติดตามผลทุกวัน วิธีนี้จะทำให้เด็ก (และคุณพ่อคุณแม่) ติดตามผลได้อย่างชัดเจน
Timeout ก็ยังใช้ได้ผลดีกับเด็กวัยนี้ ควรหาที่ ๆ ไม่มีอะไรมาดึงดูดความสนใจ เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ไตร่ตรองกับสิ่งที่พวกเขาได้กระทำลงไป แล้วอย่าลืมกำหนดระยะเวลา Timeout ที่เหมาะสมกับลูกด้วยนะครับ ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านแนะนำว่า คิดอะไรไม่ออกก็ให้ใช้สูตรสำเร็จ "1 นาทีต่อ 1 ขวบ" (อายุ 5 ปี ก็ Timeout 5 นาที ประมาณนั้น) บางท่านก็แนะนำว่า จะกี่นาทีไม่สน ให้ Timeout จนกว่าเด็กจะสงบสติอารมณ์ได้เอง (เพื่อเป็นการสอนให้รู้จัก การสึกนึกผิดด้วยตัวเอง)
ที่สำคัญคือ ให้บอกเด็ก ๆ ว่าอะไรคือสิ่งที่ควรทำ ไม่ใช่เอาแต่บอกว่า อย่าทำโน้น ห้ามทำนี่ เช่น แทนที่จะบอกว่า "อย่ากระโดดบนโซฟา!" ให้ลองบอกว่า "นั่ง ๆ ให้เรียบร้อย แล้วเอาเท้าลงมาจากโซฟาด้วย"
คุณพ่อคุณแม่ที่เป็นสมาชิกที่ The Little Gym Rama 3 นั้นจะทราบดีว่า คุณครูที่ The Little Gym Rama 3 นั้น ใช้เทคนิคต่าง ๆ ที่ได้อ่านมา ในทุก ๆ Class ไม่ว่าจะเป็น การทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี การบอกความคาดหวังก่อนเริ่มเรียน การกล่าวคำชมเชยที่เฉพาะเจาะจง และ การกระตุ้นในสิ่งที่ควรจะทำ สิ่งเหล่านี้ เป็นการสร้างทำให้เด็ก ๆ ที่มาเรียนที่ The Little Gym Rama 3 อย่างสม่ำเสมอนั้น เป็นเด็กที่มีระเบียบวินัย
คราวหน้า เรามีดูเทคนิคการจัดระเบียบเด็ก Grade School กันครับ ... |